วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทำไมจึงได้มา






20 ประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก

   “The World Top 20 Education Poll” เผย ผลสำรวจระบบการศึกษาจากทั่วโลกกว่า 200 ประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพทางด้านการศึกษาของนักเรียนอายุตั้งแต่ 3-25 ปี ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ประกอบไปด้วยปัจจัยที่สำคัญในด้านการศึกษา 5 ข้อด้วยกัน คือ
      
       1. อัตราการลงทะเบียนของเด็กช่วงปฐมวัย
       2. โรงเรียนประถมศึกษา คะแนนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน
       3. โรงเรียนมัธยมศึกษา คะแนนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน
       4. อัตราการสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา
       5. อัตราการสำเร็จการศึกษาในระดับวิทยาลัย
      
       การสำรวจในครั้งนี้เป็นการรวบรวมสถิติจาก 6 องค์กรระหว่างประเทศ คือ องค์การ เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD), โครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (PISA), องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO), หน่วยข่าวกรองเศรษฐศาสตร์ (EIU), โครงการศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (TIMSS) และความคืบหน้าในระหว่างการอ่านและการเรียนรู้ (PIRLS) ส่งไปยังกระทรวงศึกษาธิการของแต่ละประเทศเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล
      
        โดยแต่ละหัวข้อจะทำการจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุด 20 ประเทศ โดยจะให้คะแนนเต็ม 20 คะแนนสำหรับประเทศที่ได้อันดับที่ 1 และ 19 คะแนนสำหรับประเทศในอันดับที่ 2 เรียงลำดับคะแนนลดหลั่นกันมาตามลำดับจะถึงอันดับที่ 20 จะได้ 1 คะแนน โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาหาค่าเฉลี่ยจากคะแนนรวมทั้งหมด 5 ข้อ จนได้มาเป็น “20 อันดับประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก” ดังนี้ 



อันดับที่ 20 : เบลเยี่ยม (Belgium) PTS : 8
      
       
เบลเยี่ยมมีระบบการปกครองแบบสหพันธรัฐ และแบ่งการปกครองออกเป็นสามภูมิภาคคือ ภูมิภาคแฟลนเดอร์สใช้ภาษาเฟลมมิช หรือ ดัชท์ ภูมิภาควอลลูนใช้ภาษาฝรั่งเศส และภูมิภาคบรัสเซลส์ใช้ภาษาฝรั่งเศสใน การสื่อสาร ระบบการเรียนการสอนจึงมีความแตกต่างตามภูมิภาค นักเรียนแลกเปลี่ยนเบลเยี่ยมสามารถเลือกได้ว่าต้องการอยู่กับครอบครัวแถบที่ ใช้ภาษาดัตช์ หรือ ภาษาฝรั่งเศส การเรียนปริญญาตรีที่เบลเยี่ยมใช้เวลาทั้งหมด 3 ปีขึ้นอยู่กับสาขาที่เรียน
      
       
อันดับที่ 19 : สาธารณรัฐประชาชนจีน (China) PTS: 9

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
จีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากถึง 1,370 ล้านคน อีกทั้งยังมีชนกลุ่มน้อยอีกจำนวนมาก มีจำนวนนักเรียนนักศึกษามากกว่า 320 ล้านคน มีโรงเรียนจำนวน 680,000 โรงเรียน ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงติดอันดับต้นๆ ของโลกรัฐบาลประเทศจีนจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านการศึกษาของประเทศเป็น อย่างมาก รวมถึงการให้ความสำคัญกับนักศึกษาชาวต่างชาติที่เข้ามาศึกษาในจีน ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ปัจจุบันมีนัก เรียนจากประเทศไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศจีนประมาณ 2,500 คน
      
       
อันดับที่ 18 : สหรัฐอเมริกา (USA) PTS: 12

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
การศึกษาภาค บังคับนักเรียนอเมริกันทุกคนจะได้รับสิทธิเรียนฟรีจนกระทั่งถึงเกรด 12 หรือจบในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย บรรยากาศการศึกษาในห้องเรียนของชาวอเมริกันนั้น นักศึกษาจะต้องมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น โต้เถียงเพื่อแสดงจุดยืนของตนเอง มีส่วนร่วมในการสนทนา และนำเสนองานของตน ซึ่งนักศึกษาชาวต่างชาติส่วนใหญ่เห็นว่าบรรยากาศภายในห้องเรียนเหล่านี้เป็น สิ่งที่น่าตื่นใจที่สุดของระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา
      
       
อันดับที่ 17 : ออสเตรเลีย (Australia) PTS: 14

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
การศึกษาภาค บังคับของประเทศออสเตรเลีย คือ ปีที่ 1 - 10 (อายุ 6 - 15 ปี) นักศึกษาต่างชาติสามารถสมัครเพื่อเข้าศึกษากับสถาบันในประเทศออสเตรเลียได้ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับปริญญาเอก มีโรงเรียนที่มีคุณภาพสูงจำนวนมาก ทั้งที่เป็น โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนที่ดำเนินการร่วมกับองค์กรศาสนา โรงเรียนของรัฐบาลจะเป็นประเภทไปกลับ (Day School) ส่วนโรงเรียนเอกชนจะมีทั้งโรงเรียนประจำ (Boarding School) และไป-กลับ
      
       
อันดับที่ 16 : อิสราเอล (Israel) PTS: 15

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
อิสราเอลถือว่า เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ค่อนข้างสูงประเทศ หนึ่ง โดยเฉพาะในด้านของการศึกษา ในทัศนะคติของคนอิสราเอลจะถือว่าการศึกษาถือเป็นมรดกที่ล้ำค่า ในปัจจุบันประเทศอิสราเอลอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลก ของในอัตราการสมัครเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา การศึกษาภาคบังคับทั้งหมด 12 ปี (ตั้งแต่อายุ 5-16 ปี) และรัฐได้จัดการศึกษาฟรีจนถึงอายุ 18 ปี
      
       
อันดับที่ 15 : สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) PTS: 16

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
เนื่องจากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติ การศึกษาและแหล่งการเรียนรู้จึงกลายมาเป็นทรัพยากรสำคัญ จนได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีแห่งหนึ่งของโลกเลย ทีเดียว นักเรียนส่วนใหญ่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชนทั่วไปจะค่อนข้างแพง มีมหาวิทยาลัยรวมทั้งหมด 11 แห่ง กล่าวกันว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นต้นกำเนิดของวิชาการโรงแรม จึงทำให้สาขานี้มีนักเรียนไทยให้ความสนใจและไปเรียนมากที่สุดนั่นเอง
      
       
อันดับที่ 14 : โปแลนด์ (Poland) PTS: 18

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
ประเทศโปแลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และสาขาวิชาที่ขึ้นชื่อคือ สาขาแพทย์” และเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในเครือข่าย European Union เพื่อแลกเปลี่ยนด้านอื่นๆ รวมทั้งการศึกษา ในปัจจุบัน  โรมาเนีย, เบลเยี่ยม, ฟินแลนด์, กรีซ, อิตาลี, สเปน, โปตุเกส และโปแลนด์ จะรับนักศึกษาโดยพิจารณาจาก GPA ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และ Biology, Chemistry ,Physic เป็นตัววัดการได้เข้าศึกษาถึง 90 %  และ อีก 10 % คือคุณสมบัติพิเศษเช่นภาษาอังกฤษ เป็นต้น หลักสูตรแพทย์ในโปแลนด์ยังได้รับการรับรองจากแพทย์สภาอีกด้วย
      
       
อันดับที่ 13 : นิวซีแลนด์ (New Zealand) PTS: 18

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
เนื่องจากประเทศ นิวซีแลนด์เคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาก่อน จึงได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรมและระบบการศึกษาแบบอังกฤษมาใช้จนถึงปัจจุบัน ทำให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่มีการศึกษาที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับ ทั่วโลก นอกจากนี้นิวซีแลนด์ยังมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเรียนหนังสือ นักเรียนต่างชาติก็เป็นที่ต้อนรับของชาวนิวซีแลนด์ มหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์มีทั้งหมด 8 แห่ง เป็นของรัฐบาลทั้งหมด และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพอีกด้วย
      
       
อันดับที่ 12 : รัสเซีย (Russia) PTS: 23

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
รัสเซียให้ความ สำคัญกับการศึกษามาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต จึงทำให้ประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีการศึกษาที่มีคุณภาพสูงแห่งหนึ่ง ชาวรัสเซียส่วนมากจึงสามารถสำเร็จการศึกษาขั้นต่ำทุกคน นอกจากนั้นชาวรัสเซียยังเป็นนักอ่านหนังสือพิมพ์มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก มีการศึกษาหาความรู้กันอย่างจริงจัง อีกทั้งมีวิชาการ ความรู้และเทคโนโลยีเป็นของตนเองมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษาก็นับว่าไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อีกด้วย
      
       
อันดับที่ 11 : ไอร์แลนด์ (Ireland) PTS: 28

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
อีกหนึ่งประเทศ ที่มีระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยมอันดับต้นๆ ของโลก โดยรัฐบาลไอร์แลนด์มุ่งมั่นจะสร้างประเทศให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ทัน สมัย นอกจากนี้ประเทศไอร์แลนด์ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้นิยมมาเรียนภาษา อังกฤษมากที่สุด โดยในแต่ละปีมีจำนวนนักเรียนประมาณ 200,000 คน ที่มาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก โดยมีหน่วยงานของรัฐบาลไอร์แลนด์รับรองคุณภาพทางการศึกษา
      
       
อันดับที่ 10 : เยอรมนี (Germany) PTS: 28

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
เยอรมันเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่ม OECD ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กๆ อยู่ในระดับสูงทั้งในระดับมัธยมศึกษา และในระดับอุดมศึกษา การเรียนในระดับอุดมศึกษาของเยอรมันนั้น สามารถเลือกเรียนในสถาบันต่างๆ 5 ประเภทด้วยกันคือ Universitaet เน้นการเรียนการสอนทางด้านทฤษฏี, Fachhochschule มหาวิทยาลัยเน้นทางปฏิบัติ, Gesamthochschule รวม Universitaet และ Fachhochschule ไว้ในสถาบันเดียวกัน, Paedagogische Hochschule วิทยาลัยครู และ Kunsthochschule วิทยาลัยศิลปะ
      
       
อันดับที่ 9 : เดนมาร์ก (Denmark) PTS: 29

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
ประเทศเดนมาร์กมี ระบบการศึกษาที่ได้รับการพัฒนาและมีความน่าสนใจ อาทิเช่น ระบบการศึกษาภาคบังคับที่ยืดหยุ่น การศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายที่หลากหลาย การศึกษาต่อเนื่องที่หลายหน่วยงานมีส่วนร่วม การเน้นการวิจัยในระดับอุดมศึกษา นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและนักเรียนมีส่วนร่วมออกความคิดเห็น นักเรียนสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องโรงเรียนและการศึกษาได้อีกด้วย
      
       
อันดับที่ 8 : แคนาดา (Canada) PTS: 41

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
แคนาดาเป็นประเทศ ที่มีคุณภาพการศึกษาสูง ระบบการเรียนของแคนาดา จะอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละจังหวัดและมณฑล โดยจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ยกเว้นในควิเบก (Quebec) ซึ่งจะมีระบบการศึกษาที่แตกต่างออกไป ประกอบด้วยระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา วิทยาลัยทั่วไปและวิทยาลัยอาชีพ (CEGEP) นอกจากนี้ประเทศแคนาดายังเป็นประเทศที่มีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีติดอันดับโลกอีกด้วย
      
       
อันดับที่ 7 : เนเธอแลนด์ (Netherlands) PTS: 42

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
ประเทศเนเธอแลนด์ดินแดนกังหันลม จุดหมายปลายทางที่นักศึกษาจากทั่วโลกที่นิยมมาเรียนต่อตั้งแต่ระดับปริญญา ตรีถึงปริญญาเอกไม่แพ้ประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป ระบบการศึกษาของประเทศเนเธอร์แลนด์แตกต่างจากที่อื่น เพราะที่นี่จะให้อิสระโรงเรียนในการจัดการศึกษาอย่างเต็มที่ รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องการบริหารจัดการอีกด้วย
      
       
อันดับที่ 6 : ฮ่องกง (Hong Kong) PTS: 43

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
ฮ่องกงใช้เวลาทำ การปฏิรูปการศึกษาอยู่ 12 ปี โดยเริ่มเมื่อ ปี ค.ศ. 2000 การปฏิรูปการศึกษาประสบผลสำเร็จอย่างน่าชื่นชม ฮ่องกงกล้าที่จะยกเลิกระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมของอังกฤษแทบทั้งหมด สร้างความเป็นนานาชาติที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กับวิถีชีวิตเทคโนโลยีที่มีความ ก้าวหน้าได้อย่างเหมาะสมได้ทุกระบบ ยกเลิกการสอบแบบ o-Level และ A-Level มา เป็นการสอบระดับชาติเพียง 1 ครั้ง ขยายการศึกษาภาคบังคับจาก 9 ปี เป็น 12 ปี ขยายเวลาเรียนจบในระดับปริญญาตรีจาก 3 ปี เป็น 4 ปี เป็นต้น
      
       
อันดับที่ 5 : สหราชอาณาจักร (United Kingdom) PTS: 48

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
        การศึกษาภาคบังคับของสห ราชอาณาจักร เริ่มตั้งแต่อายุ 5 ปี ไปจนถึง 16 ปี โรงเรียนมีทั้งประเภท โรงเรียนรัฐบาล และโรงเรียนเอกชน การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยปัจจุบันมหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักรมีประมาณ 96 แห่ง เป็นของรัฐบาลเกือบทั้งหมด ยกเว้น University of Buckingham ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงแห่งเดียวการศึกษาระดับอุดมศึกษา
      
       
อันดับที่ 4 : ฟินแลนด์ (Finland) PTS: 48

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
โรงเรียนในประเทศ ฟินแลนด์ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน ไม่มีการสอบเข้าสถานศึกษา ไม่มีค่าธรรมเนียมทางการศึกษา ไม่มีการจัดอันดับสถานศึกษา ไม่มีหน่วยงานคอยควบคุมวัดระดับเพื่อประเมินผล การศึกษาภาคบังคับเริ่มต้นเมื่อเด็กอายุ 7 ปี ไม่เน้นการเรียนอนุบาลแต่จะเน้นให้อยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด ระดับประถมจะใช้เวลาเรียนน้อยและให้เด็กได้ทำในสิ่งที่สนใจมากกว่า ที่สำคัญจะไม่เน้นเรื่องการแข่งขันจึงไม่มีเกรดเฉลี่ย
      
       
อันดับที่ 3 : สิงคโปร์ (Singapore)

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
รัฐบาลสิงคโปร์ ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก โดยถือว่าประชาชนเป็นทรัพยากรที่สำคัญ และมีค่าที่สุดของประเทศ จึงสนับสนุนด้านการศึกษาจนเสมือนกับเป็นการศึกษาแบบให้เปล่า โรงเรียนในระดับประถม และมัธยมล้วนเป็นโรงเรียนของรัฐบาลหรือกึ่งรัฐบาล สถานศึกษาของเอกชนในสิงคโปร์ มีเฉพาะในระดับอนุบาล และโรงเรียนนานาชาติเท่านั้น การเรียนการสอนในประเทศสิงค์โปร์นี้จะเน้นความง่าย เรียนจากความเป็นจริง และสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ 4 ด้านคือ เทคโนโลยี คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษา
      
       
อันดับที่ 2 : ญี่ปุ่น (Japan) PTS: 55

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
ประเทศ ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีมาตรฐานทางด้านการศึกษาในระดับสูง โดยระบบการศึกษาของประเทศได้รับต้นแบบมาจากระบบการศึกษาของหลายๆ ประเทศ อาทิเช่น ประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศส และอเมริกา นอกจาก เทคโนโลยีที่มาใช้ในการศึกษาได้อย่างทั่วถึงแล้ว ความสำเร็จทางการศึกษาของญี่ปุ่นอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ในการสอบวัดความรู้ด้านคณิตศาสตร์นานาชาติ เด็กญี่ปุ่นถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆ มาโดยตลอด
      
       
อันดับที่ 1 : เกาหลีใต้ (South Korea) PTS: 59

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       
       
ระบบการศึกษาของเกาหลียุคใหม่ มาแรงแซงทุกประเทศ “New Education System” มุ่งพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศเพื่อการเป็นสังคมแห่งความรู้ สร้างสภาวะแวดล้อมที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อ ให้คนเกาหลีมีความรู้ ความสามารถ มีความทันสมัย และที่สำคัญคือมีจริยธรรม แต่ยังคงความเป็นเลิศด้านการศึกษาและดำรงมาตรฐานของระบบการศึกษาของเกาหลี ดังจะเห็นได้จากนักเรียน-นักศึกษาของประเทศเกาหลีจะเรียนหนักมาก ผู้ปกครองก็ให้การสนับสนุนด้านการศึกษาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการเรียนการสอนอีกด้วย
      
       
*PTS: Calculated from 3 international education ranking systems from last year’s final rankings
      
       
ที่มา : http://worldtop20.org/










































http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9580000040642

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น