Function คือ
ในเทคโนโลยีสารสนเทศ คำว่า function (ออกเสียงว่า FUHNK-shun) มีหลายความหมาย คำนี้มาจากภาษาลาติน “functio”
1) ในการใช้ทั่วไป function (ฟังก์ชัน) คือ สิ่งที่ให้ สิ่งที่มีทำสิ่งที่ทำได้
2) ในภาษา C และโปรแกรมอื่น function
คือชื่อของกระบวนการที่ทำการให้บริการแน่นอน ประโยคคำสั่งภาษาที่ขอฟังก์ชัน
ได้รับการเรียกว่า function call
ภาษาโปรแกรมมักจะมากับคอมไพลเลอร์และชุดของ ฟังก์ชัน
ที่ติดมาด้วยที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถระบุโดยการเขียนประโยคคำสั่งภาษา
สิ่งเหล่านี้ให้ฟังก์ชันในบางครั้งเรียกว่า library routines
บางฟังก์ชันมีความเพียงพอและสามารถส่งออกผลลัพธ์ไปให้โปรแกรมที่ขอโดย
ปราศจากการช่วยเหลือ
ฟังก์ชันอื่นจำเป็นต้องทำการขอกับระบบปฏิบัติการเพื่อทำให้สามารถใช้ได้
3) ในทางคณิตศาสตร์ function
คือความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวแปรที่เรียกตัวแปรอิสระและตัวแปรขึ้นต่อ
ตัวแปรขึ้นต่อมีมากที่สุดหนึ่งค่าสำหรับค่าเจาะจงของตัวแปรอิสระ
ฟังก์ชันมักจะใช้สัญลักษณ์โดยตัวพิมพ์เล็ก ตัวเอน
ตามด้วยตัวแปรอิสระในวงเล็บ ตัวอย่าง นิพจน์ y = f ( x ) อ่านว่า “ y
เท่ากับ f ของ x” หมายความว่า ตัวแปรขึ้นต่อ y เป็นฟังก์ชันของตัวแปรอิสระ x
ฟังก์ชันมักจะเป็นกราฟ และปรากฎเป็นเส้นตรงหรือส่วนโค้งบนระนาบ
4) ในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ function
เป็นการเคลื่อนไหวทางกายภาคสมบูรณ์ที่มีผลต่อเนื่องไม่ชัดเจนสัมพันธ์กับจุด
มุ่งหมายของอุปกรณ์ ตัวอย่าง ในเครื่องพิมพ์ สิ่งนี้อาจจะเป็น carriage
return (ปัดแคร่) หรือ line feed (เลื่อนบรรทัด)
ฟังก์ชั่น
(Function)
หมายถึงส่วนของโปรแกรมที่เป็นชุด ของคำสั่ง
ที่มีชื่อเฉพาะ ซึ่งทำงานเสร็จสิ้นภายในตัวเอง
ฟังก์ชั่นแบ่งออกเป็น
2 ชนิด คือ
1. ไลบรารี่ฟังก์ชั่น (Library function)
2. ฟังก์ชั่นที่ผู้เขียนโปรแกรมเขียนขึ้นเอง (User defined
function)
ไลบรารี่ฟังก์ชั่น
เป็นโปรแกรมที่ผู้ผลิตโปรแกรมภาษาซี
เป็นผู้เขียนขึ้น ไลบรารี่ฟังก์ชั่นจะติดมากับตัวโปรแกรมภาษาซีสามารถเรียกใช้โดย
ใช้คำสั่ง #include
ฟังก์ชั่นที่ผู้เขียนโปรแกรมเขียนขึ้นเอง
(Customize
function)
การเขียนโปรแกรมภาษาซี
ผู้เขียนโปรแกรมอาจเขียนฟังก์ชั่นขึ้นใช้เองได้
ฟังก์ชั่นที่เขียนขึ้นเองนั้นมีลักษณะเหมือนกับโปรแกรมย่อยในโปรแกรมภาษาอื่น ๆ
โดยฟังก์ชั่นที่เขียนขึ้นเองนี้จะมีการให้ค่า
หรือรับค่าโดยการเรียกกันระหว่างฟังก์ชั่นได้
ฟังก์ชั่นที่เขียนขึ้นเองนี้อาจจะรวมอยู่กับโปรแกรมหลัก (main) หรืออาจเขียนฟังก์ชั่นเหล่านี้ไว้คนละแฟ้มข้อมูลก็ได้
ฟังก์ชั่นที่ผู้เขียนโปรแกรมเขียนขึ้นเอง
(Customize
function) จำแนกได้ 4 ประเภท
1.
ฟังก์ชั่นที่ไม่มีการรับค่าและไม่ส่งค่า
2.
ฟังก์ชั่นที่ไม่มีการรับค่าแต่มีการส่งค่า
3.
ฟังก์ชั่นที่มีการรับค่าแต่ไม่ส่งค่า
4.
ฟังก์ชั่นที่มีการรับค่าและส่งค่า
สำหรับ Excel
Function หมายถึง
สูตรสำเร็จรูปที่ติดมากับโปรแกรม Excel เช่น สูตร Sum
If Max Min เยอะแยะมากมายเสียจนเรียกใช้กันไม่หมด
Excel แบ่งสูตร Function
ออกเป็นหลายประเภท ได้แก่
* Database
* Date and Time
* Engineering
* Financial
* Information
* Logical
* Lookup and Reference
* Math and Trigonometry
* Statistical
* Text and Data
* Date and Time
* Engineering
* Financial
* Information
* Logical
* Lookup and Reference
* Math and Trigonometry
* Statistical
* Text and Data
Formula หมายถึงสูตรที่เราสร้างขึ้นมาเอง
โดยใช้สูตร Function ร่วมกับสูตรอื่น
ไม่ว่าจะเป็นสูตรแบบ function หรือ formula ก็ตาม สูตรทุกสูตรต้องนำด้วยเครื่องหมายเท่ากับ เพื่อบอกกับ Excel ให้ใช้สูตรในการคำนวณ
ไม่ว่าจะเป็นสูตรแบบ function หรือ formula ก็ตาม สูตรทุกสูตรต้องนำด้วยเครื่องหมายเท่ากับ เพื่อบอกกับ Excel ให้ใช้สูตรในการคำนวณ
โครงสร้างสูตร Function
ในตัวสูตร Function หรือสูตรสำเร็จรูปของ
Excel แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- ด้านหน้านำด้วยเครื่องหมายเท่ากับเสมอ
- ตัวสูตร
- เครื่องหมายวงเล็บเปิดและปิด ล้อมรอบตัวแปร (argument) ที่ใช้ในสูตร โดยใช้เครื่องหมาย comma , คั่นแต่ละตัวแปร เช่น
=SUM(A1,A2,A3:A10,100)
=INDEX(MyRange,2,5)
=NOW()
=INDEX(MyRange,2,5)
=NOW()
เมื่อสร้างสูตรหรือแกะสูตร
ต้องสร้างให้ครบทุกส่วนเสมอ และเมื่อจะแกะสูตรใด ให้แยกแยะแต่ละส่วนออกจากกัน จะทำให้เข้าใจตัวสูตรได้ง่ายขึ้น
โครงสร้างสูตร Formula
สูตร Formula อย่างง่ายที่สุด
เช่น =A1 เพื่อนำค่าในเซลล์ A1 ออกมาใช้งาน
หรือนำ Function หลายๆสูตรมาสานต่อกันด้วยเครื่องหมายคำนวณ
เช่น =A1+INDEX(MyRange,2,5)
Excel มีลำดับการคำนวณ
ดังนี้
1. ยกกำลัง ^
2. คูณ * หาร /
แล้วแต่ส่วนใดมาก่อนจากซ้ายไปขวา
3. บวก + ลบ -
แล้วแต่ส่วนใดมาก่อนจากซ้ายไปขวา
เช่น =3+7*5-6/2 จะได้ผลลัพธ์
35 เนื่องจาก Excel คำนวณตามลำดับ
ดังนี้
1. คำนวณ 7*5
= 35
2. คำนวณ 6/2 = 3
3. คำนวณ 3+35 = 38
4. คำนวณ 38-3 = 35
2. คำนวณ 6/2 = 3
3. คำนวณ 3+35 = 38
4. คำนวณ 38-3 = 35
ดังนั้นเพื่อกำหนดลำดับการคำนวณให้ชัดเจน
จึงใช้เครื่องหมายวงเล็บช่วยกำกับลำดับการคำนวณให้เกิดขึ้นตามที่เราต้องการ เช่น
=(3+7)*(5-(6/2))
จะคำนวณ =10*2 ได้ผลลัพธ์เท่ากับ 20
การค้นหาสูตร
คลิกที่ปุ่ม fx บน ToolBar
หรือ ไปที่ ริบบอน สูตร แทรกฟังก์ชั่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น